ตาแห้งแก้ได้
อาการตาแห้ง เป็นเรื่องที่อาจจะเคยเกิดขึ้นกับคุณอยู่บ่อยๆ บางทีก็คันตา แสบตา ระคายเคือง รู้สึกเหมือนมีทรายหรือฝุ่นเข้ามาอยู่ในดวงตา เจอแสงก็แพ้แสง เจอลมก็แพ้ลม ตาขาวอักเสบเป็นสีแดง ขอบเปลือกตาแดง หรือมีอาการตามัวในบางเวลา เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่เราต้องใช้งานอย่างหนัก และบ่อยครั้งที่เราหลงลืมการดูแลด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ดังนั้น อวัยวะใกล้ตัวนี้จึงค่อนข้างน่าสงสารเนื่องจากต้องทำงานหนักกว่าเพื่อน โดยเฉพาะคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งเลนส์ติดอยู่ที่ดวงตาตลอดเวลายิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตาแห้งมากขึ้นไปอีก พอๆกับผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอาจจะส่งผลให้การสร้างน้ำตาลดลงกว่าที่เคยเป็นได้เช่นกัน ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้รวมถึงคนที่มีอาการตาแห้งบ่อยๆ ต้องหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น
แม้ว่าอาการตาแห้งจะไม่ใช่อาการที่รุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่การปล่อยให้เกิดอาการเช่นนี้ทิ้งไว้ในระยะยาวโดยไม่ดูแล จะยิ่งทำให้เกิดอาการระคายเคืองมากยิ่งขึ้นไปอีก จนอาจทำให้เกิดการอักเสบและการดึงรั้งของเปลือกตา มีผลทำให้ขนตาทิ่มตา เกิดการระคายเคือง กระจกตาเป็นแผล ซึ่งเป็นอาการที่รุนแรงที่เกิดขึ้นตามมาในภายหลัง จากต้นเหตุเพียงเล็กๆอาจทำให้คุณต้องได้รับการผ่าตัดได้เลยก็เป็นได้
แล้วอาการของโรคนี้เกิดจากสาเหตุใด…สาเหตุของโรคตาแห้งเป็นเพราะระบบของต่อมน้ำตาที่ทำงานผิดปกติ ทำให้ในดวงตาของเรามีปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอ เมื่อน้ำตาน้อยเกินไปก็จะส่งผลให้เกิดอาการไม่เคืองตาในที่สุด โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ระบบต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ ก็เพราะการเสื่อมลงของต่อมน้ำตาไมโบเมียน ความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย การใส่คอนแทคเลนส์ การใช้งานดวงตาในชีวิตประจำวันอย่างหนัก การใช้ยาบางประเภท อาการภูมิแพ้ที่ตา หรือจากสภาวะสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่นควัน
ก่อนที่อาการตาแห้งจะทำร้ายคุณไปมากกว่านี้ มาหยุดความรำคาญเหล่านี้กันด้วยวิธีต่อไปนี้เลยค่ะ วิธีนี้ไม่ต้องใช้การหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ แต่เน้นการบำรุงด้วยสมุนไพรเพื่อบรรเทาอาการตาแห้ง ดังต่อไปนี้
วัตถุดิบที่ต้องเตรียม
- ดอกอัญชันสด 7 ดอก เด็ดเอามาแต่ดอกโดยเอาเกสรและฐานรองดอกออกก่อน
- เก๋ากี่ 1 กำมือ
- พุทราจีน 3 ลูก
- ดอกเก็กฮวย 1 กำมือ
- น้ำตาลกรวด (ส่วนนี้เพื่อเพิ่มรสชาติ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำเริ่มต้นจากการเตรียมวัตถุดิบกันก่อน ได้แก่ ทุบพุทราจีนและเก๋ากี่ให้พอแตก จากนั้นใส่ส่วนผสมลงไปในหม้อ เติมน้ำเพิ่มไป 3-4 ถ้วย แล้วต้มด้วยไฟแรงให้น้ำเดือด เมื่อน้ำเดือดสักครู่แล้วจึงค่อยลดไฟลงเป็นไฟกลาง และต้มต่อด้วยไฟกลางไปอีก 30 นาทีจึงปิดไฟ
จากนั้นจะเข้าสู่การปรุงรสชาติให้ดื่มง่าย คล่องคอมากขึ้น สำหรับคนที่ชอบทานหวานให้เติมน้ำตาลกรวดลงไปสัก 1 ก้อน หรือถ้าไม่ชอบหวานมากก็ใส่น้อยลงหรือไม่ใส่เลยก็ได้ จากนั้นก็คนจนน้ำตาลละลายจนหมด ก็พร้อมดื่มได้เลย แต่หากใครชงเผื่อเก็บไว้ดื่ม เมื่อต้องการจะรับประทานต่อต้องอุ่นใหม่ทุกครั้งก่อน วิธีการดื่มเราจะต้องหาแก้วเปล่ามาก่อน 1 ใบ ใส่ดอกอันชัญและดอกเก็กฮวยลงไป แล้วเติมน้ำที่ต้มแล้วลงไป แช่ทิ้งไว้สักพักแล้วช้อนเอาเฉพาะกากดอกไม้ออก ดื่มน้ำพร้อมเก๋ากี้และพุทราจีนได้เลย
สูตรนี้แนะนำให้ดื่มตอนท้องว่าง โดยดื่มวันละ 3 ครั้ง ก็จะช่วยบำรุงร่างกายได้ดีขึ้น
แต่ถ้าใครลองวิธีดังกล่าวแล้วรู้สึกว่ายังได้ผลช้าเกินไปก็อย่ารีบใจร้อนดื่มเครื่องดื่มนี้มากจนเกินไปนะคะ เพราะการรักษาด้วยสมุนไพรจำเป็นต้องใช้เวลา จำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป จิบกินวันละนิดวันละหน่อย แล้วจะเห็นผลดีได้ในระยะยาวเอง แต่หากอาการแย่ลงหรือไม่ดีขึ้นสักทีก็คงต้องอาศัยวิธีการทางการแพทย์สมัยใหม่เป็นตัวช่วย ต้องอาศัยการตรวจดูคุณภาพของน้ำตา ตรวจวัดปริมาณน้ำตา ตรวจความเสียหายของต่อมน้ำตา และอาจต้องใช้รักษาด้วยน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาตลอดทั้งวัน หรือใช้ยาหยอดตาในกลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบของนัยน์ตาหรือผิวเยื่อบุตา และบรรเทาอาการคัน อย่างไรก็ตาม ยากลุ่มนี้ต้องได้รับการอนุญาตจากแพทย์และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นยาที่ค่อนข้างมีผลกระทบ ไม่สามารถใช้ยาวๆอย่างต่อเนื่องได้
นอกจากนี้ ก็แนะนำให้ผู้ที่มีอาการดังกล่าวทำความสะอาดเปลือกตาด้วยน้ำยาพิเศษ เพื่อกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณรอบเปลือกตา หรือทำการประคบน้ำอุ่นเป็นประจำทุกวันเช้าเย็น หากจะให้ดีอาจเพิ่มการนวดเปลือกตา เพื่อกดรีดไขมันอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ใช้สายตาอย่างพอดี พักสายตาเป็นระยะๆ หยอดน้ำตาเทียมบางเวลาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับดวงตา
สุดท้าย การแก้ไขที่ดีที่สุด คือการพยายามใช้ดวงตาให้เท่าที่จำเป็น ไม่หักโหม ไม่ทำร้ายดวงตา หรือใช้สายตามากจนเกินไป เพราะดวงตาเป็นของสำคัญของร่างกายมนุษย์ทุกคน ถ้าเสียมันไปคงยากที่จะได้การมองเห็นที่ดีๆกลับคืนมาอีกครั้ง
