นอนดึกก็สดชื่นได้

อาการนอนน้อยสามารถเกิดได้กับคนที่ต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำทุกวัน มีเวลานอนน้อย เช้าวันรุ่งขึ้นก็ยังต้องรีบตื่นมาทำงานต่ออยู่ดี การนอนน้อยสะสมติดต่อกันเป็นเวลานานย่อมทำให้เกิดความรู้สึกเพลีย หรืออาจจะทำให้ทำงานได้ไม่เต็ม 100% วันนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำให้คุณรู้จักวิธีการในการเพิ่มความสดชื่นให้แก่ตัวเองแม้ว่าจะนอนน้อยก็ตาม เคล็ดลับการตื่นนอนให้สดชื่นแม้จะนอนไม่พอจะใช้กดง่ายๆที่เรียกว่า “กฎ 90 นาที” ที่จะช่วยให้การนอนของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นจริงๆ

เคยรู้สึกไหมคะ…บางวันนอนไม่กี่ชั่วโมงแต่ตื่นมารู้สึกสดชื่น ในขณะที่บางวันนอนนานมากกว่าปกติ แต่ตื่นมากลับไม่รู้สึกสดชื่นเท่าที่ควร เหตุผลของความสดชื่นหลังจากตื่นนอนอาจเกิดขึ้นจากการนอนที่ไม่ครบ Cycle หรือครบรอบการนอนหลับ ซึ่งมีผลทำให้การตื่นนอนขึ้นมาเกิดอาการง่วงงัวเงีย หรือรู้สึกไม่สดชื่นอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง

ก่อนที่จะมาทำความเข้าใจกับกฎ 90 นาที คุณต้องทราบก่อนว่าโดยปกติแล้วเวลาที่คนเรานอนหลับจะแบ่งการนอนหลับออกเป็น 2 แบบ คือ แบบหลับลึก และ แบบหลับตื้น การนอนของเราจะสลับระหว่างตื้นหลับลึกไปเรื่อยๆ จนตื่นขึ้นมา ซึ่งวงจรการนอนหลับตื้นและหลับลึกจะเปลี่ยนทุกๆ 90 นาที เมื่อครบรอบแล้วก็จะวนเช่นนี้ไปตลอดทั้งคืน ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงสามารถคำนวณเวลาเพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้

โดยปกติแล้ว มนุษย์เรามักจะนอนประมาณ 5 รอบหรือ 5 ไซเคิลซึ่งจะรวมระยะเวลาประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถึงแม้จะนอนไม่ครบ 5 ไซเคิล แต่สามารถตื่นขึ้นมาในช่วงของการหลับตื้นได้ ก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นได้เช่นกัน เพราะประเด็นสำคัญคือเราจะต้องพยายามนอนให้ครบไซเคิล เนื่องจากถ้าเราตื่นขึ้นมาตอนที่สมองอยู่ในภาวะหลับลึก หรือถูกปลุกให้ตื่นในช่วงนี้ ร่างกายจะอ่อนเพลีย ง่วงเหงาหาวนอน จะทำให้การตื่นนอนยากกว่าปกติ ตื่นขึ้นมาก็จะรู้สึกไม่สดชื่นหรือรู้สึกหงุดหงิดนั้นเอง

ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณตื่นขึ้นมาในช่วงที่สมองหลับตื้น สมองเราจะทำงานใกล้เคียงกับตอนที่ตื่น ทำให้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดความฝันขึ้นได้ และทำให้เราสามารถจำความฝันได้นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าคนส่วนมากมักจะฝันกันในช่วงการนอนหลับตื้นนี้ นอกเหนือจากการเกิดความฝันแล้วว การตื่นนอนในช่วงเวลาหลับตื้นจะทำให้ตื่นง่ายขึ้น เวลาตื่นจะรู้สึกไม่งัวเงีย และสดชื่นมากกว่าที่คุณเป็น และนี่คือเหตุผลของการนอนน้อยแต่สดชื่นนั่นเองค่ะ

คำถามต่อไปก็คือ แล้วจะต้องทำยังไงให้สามารถตื่นขึ้นมาได้ในช่วงเวลาที่เรากำลังหลับตื้น ? วิธีการก็คือ เราจะต้องรู้จักการวางแผนเวลาการนอนที่เหมาะสมโดยนับถอยหลังจากช่วงเวลาที่คุณต้องการอยากจะตื่น

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการตื่นนอนตอน 6:00 น. ให้นับถอยหลังไซเคิลละ 90 นาทีคุณก็จะทราบระยะเวลาช่วงการหลักที่เหมาะสมได้ ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมจะเข้านอน คือ เวลา 21.00 น. / 22.30 น. / 24.00 น. / 01.30 น.

ด้วยการคำนวณแบบเดียวกันถ้าคุณอยากตื่นตอนไหน ก็แค่หักลบเวลาไปทุกๆ 90 นาที อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้คุณต้องเสียเวลา เราคำนวณมาให้คุณคร่าวๆแล้วค่ะ

ถ้าอยากตื่นนอน 7 โมง ควรเข้านอนตอน 22.00 น. / 23.30 น. / 01.00 น. / 02.30 น.

ถ้าอยากตื่นนอน 8 โมง ควรเข้านอนตอน 23.00 น. / 00.30 น. / 01.30 น. / 03.30 น.

วิธีนับทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยากสักนิด แต่ถ้าใครกลัวนับผิดหรือไม่อยากเสียเวลาอันมีค่า ปัจจุบันก็มีตัวช่วยหลายทางที่ทำให้คุณจัดการเวลาเข้านอนได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ปลายนิ้ว เพียงแค่ลองเสิร์ชหาโปรแกรมคำนวณระยะเวลาการนอนหลับในอินเตอร์เนตดูก่อนก็ได้ เช่น https://sleepcalculator.com/ ถ้าชื่นชอบของใครก็เลือกใช้ได้เลย เพราะหลักการที่ใช้คำนวณมาจากหลักการเดียวกันทั้งนั้น

แนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนที่นอนหลับยากสักนิด การทำใจให้นอนในเวลาที่เราไม่คุ้นเคย อาจจะทำให้คุณหลับได้ยากกว่าเดิม และหากเลยช่วงการนอนหลับที่เหมาะสมไปแล้ว อาจจะส่งผลให้ตื่นในช่วงเวลาของการหลับลึกได้ ดังนั้น ควรเผื่อเวลาเข้านอนก่อนเวลาที่ต้องการสักเล็กน้อย โดยเผื่อไว้ประมาณ 10-15 นาที รวมทั้งหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้คุณตาค้าง หลับยาก เพื่อให้การนอนของคุณสมบูรณ์มากที่สุดนั่นเองละคะ

ด้วยกฎง่ายๆเช่นนี้ ก็สามารถช่วนให้การนอนหลับยกระดับไปอีกขั้นได้แล้ว วิธีที่ดูเหมือนง่ายแต่สามารถใช้ได้จริง เพียงแค่คุณลองนำมันไปปรับใช้กับการนอนของคุณในแต่ละวันดูก่อน ถึงแม้จะนอนน้อยกว่าปกติ แต่ถ้าตื่นตรงเวลาในช่วงการหลับตื้น ก็จะช่วยให้การตื่นของคุณมีความสดชื่นมากขึ้นกว่าเดิมได้ และลืมไปได้เลยกับอาการงัวเงียตอนเช้าเพราะนอนไม่พอ

หากคุณได้รู้จักกับกฎการนอน 90 นาทีแล้ว คุณจะรักมัน และมันจะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่มากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะการนอนเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าคุณทำมันได้เต็มที่เช้าวันรุ่งขึ้นจะต้องตื่นขึ้นมาพบกับสิ่งที่ดีๆอย่างแน่นอน