ชาหมักมีประโยชน์อะไร
หากพูดถึงเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ก็มีหลากหลายเครื่องดื่มที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสุขภาพ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็ล้วนแต่มีความแตกต่างของสรรพคุณในการดูแลรักษาโรค ทว่า การจะบริโภคเครื่องดื่มใดๆก็ตามเพื่อบำรุงร่างกาย จำเป็นต้องทราบถึงข้อมูลต่างๆของเครื่องดื่มเหล่านั้นให้ดี เพราะคุณประโยชน์ของเครื่องดื่มแต่ละชนิด อาจจะแสดงผลในแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน บางรายอาจจะได้ผลดี ในขณะที่บางรายอาจจะได้ผลตรงกันข้าม ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและจำเพาะไปในแต่ละกลุ่มคน
ในวันนี้ เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับอีกหนึ่งเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่หลายคนอาจจะเคยรับประทานเพื่อบำรุงร่างกายกันมาบ้างแล้ว ในขณะที่หลายท่านอาจจะยังไม่รู้จัก และสงสัยในคุณประโยชน์ของเครื่องดื่มชนิดนี้

ชาหมัก (Kombucha) เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอีกหนึ่งประเภทที่หลายคนคุ้นเคยกันมานาน มีต้นกำเนิดมานานนับพันปี และต่างมีความเชื่อว่าการบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้จะส่งผลดีต่อร่างกาย ดื่มแล้วบำรุงสุขภาพ เพราะไม่เพียงแต่มีสรรพคุณที่ดีเหมือนชาเท่านั้น แต่ยังมีส่วนเพิ่มเติมเป็นโพรไบโอติกส์ หรือเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นแบบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และในชาหมักยังมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมาก ซึ่งเมื่อได้บริโภคเข้าไปแล้วจะช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรียอันตรายในร่างกายได้
สามารถสรุปประโยชน์ของการดื่มชาหมักKombucha ในหัวข้อต่างๆได้ ดังนี้
1 เป็นแหล่งของโพรไบโอติกส์
กระบวนการหมักชาทำให้เกิดจุลินทรีย์หรือโพรไบโอติกส์ขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้จะเข้าไปช่วยระบบย่อยอาหารของมนุษย์ ช่วยรักษาและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารบางชนิดได้ เช่น โรคลำไส้อักเสบ โรคลำไส้แปรปรวน หรือโรคติดเชื้อเอชไพโลไร เป็นต้น นอกจากนั้น โพรไบโอติกส์ยังมีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดการติดเชื้อ ทำให้อาการหวัดหายเป็นปกติได้เร็วขึ้น ซึ่งมีประโยชน์ข้างเคียงที่ทำให้โอกาสการเกิดโรคต่าง ๆ ลดลงได้
2 เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ
ชาหมักจากชาเขียวจะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันหรือยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเซลล์ ทั้งนี้ ยังคงเป็นงานวิจัยที่ทำการทดลองในสัตว์เท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับคนอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น
3 ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
เนื่องจากชาหมักชนิดนี้มีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระสูง อาจมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง รวมถึงยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยถึงประสิทธิภาพของ Kombucha ในการต้านมะเร็งนั้นเป็นเพียงการทดลองทางห้องปฏิบัติการเท่านั้น จึงจำเป็นต้องรองานวิจัยที่ศึกษากับคนจนได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในอนาคต
4 ช่วยกำจัดแบคทีเรีย
เนื่องจากในชาหมักจะมีองค์ประกอบที่เป็นกรดน้ำส้มเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งกรดน้ำส้มนี้สามารถช่วยกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเท่านั้น ไม่ทำให้โพรไบโอติกส์ลดน้อยลงไปด้วย
5 ลดระดับน้ำตาลในเลือด
ชา Kombucha มีความสามารถในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลองได้ดี จึงอาจส่งผลดีต่อการลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
6 ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
คอเลสเตอรอลในร่างกายของเราสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ซึ่งมีงานวิจัยหนึ่งระบุว่าชา Kombucha สามารถลดระดับคอเลสเตอรอล LDL ให้มีปริมาณลดลง แต่ เพิ่ม HDL ให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นได้ในสัตว์ทดลอง จึงอาจมีผลช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้นั่นเอง

หลังจากทราบถึงสรรพคุณของชาหมักชนิดนี้ไปแล้ว หลายคนอาจจะเริ่มสนใจที่จะบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้ ซึ่งเรามีกรรมวิธีการผลิตชามานำเสนอให้คุณได้ทราบว่ากว่าที่จะได้เป็นชาหมัก Kombucha จะต้องมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
ชาหมักเกิดจากการนำน้ำชา โดยอาจจะเป็นชาดำหรือชาเขียวก็ได้ นำไปหมักกับน้ำตาล จุลินทรีย์ และยีสต์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ จนทำให้เครื่องดื่มมีฤทธิ์เป็นกรดมากขึ้น โดยในเครื่องดื่มนี้มีส่วนผสมหลักเป็นกรดน้ำส้ม (Acetic Acid) ซึ่งเกิดขึ้นจากการหมัก รวมไปถึงยังมีวิตามินบีและสารอาหารอื่น ๆ มากมาย ซึ่งนำผลให้เกิดประโยขน์ต่อร่างกายตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
รสชาติของชาหมักจะมีกลิ่นของแอลกอฮอล์ซึ่งเกิดขึ้นจากการหมัก และให้ความรู้สึกซ่าเล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็นรสชาติที่ทานยากสักเล็กน้อย โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น คุณอาจจะต้องค่อยๆจิบชาทีละน้อย เพราะรสชาติและกลิ่นของมันค่อนข้างจะรุนแรงและไม่คุ้นชิน แต่เมื่อใดที่คุณสามารถรับประทานมันได้แล้ว คุณก็จะพบเจอกับคุณประโยชน์อย่างเต็มที่แน่นอน
ถึงจะมีประโยชน์ที่มากมาย แต่ต้องไม่ลืมว่าอาหารทุกอย่างก็ต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวของมัน สำหรับข้อควรระวังในการบริโภค ชา Kombucha ก็คือ การเลือกรับประทานจากผู้ผลิตที่มีกระบวนการผลิตที่สะอาด ไม่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค บรรจุในภาชนะบรรจุที่ไม่เหมาะสม โดยไม่ใช้ภาชนะเหล็กหรือเซรามิกเคลือบในการผลิต เพราะวัสดุเหล่านี้จะทำปฏิกิริยากับกรดในชา และปล่อยสารพิษออกมาเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
หากเผลอรับประทานชาหมักที่ผ่านการผลิตที่ไม่สะอาดหรือไม่ถูกต้อง อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เสี่ยงต่ออาการท้องเสีย ปวดท้อง หรือทางเดินอาหารติดเชื้อได้