บทความน่ารู้, ลด น้ำ หนัก, ลด อ้วน, ลดความอ้วน, ลดพุง, วิธีการลดน้ำหนัก, วิธีลดน้ำหนัก, สุขภาพ, สุขภาพดี

เทคนิคหยุดโยโย่เอฟเฟกต์

เทคนิคหยุดโยโย่เอฟเฟกต์

คนที่ตั้งใจที่จะลดน้ำหนักทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่มีความห่วงใยในสุขภาพของตนเอง เห็นว่าตัวเองนั้นรับประทานอาหารมากจนเกินไปแล้ว และกลัวว่าโรคร้ายต่างๆจะถามหา จึงทำให้หันมาออกกำลังกายหรือเลือกรับประทานอาหารให้มากขึ้น เพื่อที่ทำให้น้ำหนักลดลง

อย่างที่รู้กันว่าสาเหตุของการเกิดโรคอ้วน ก็คือ การที่คุณรับประทานอาหารมากเกินไปกว่าการใช้พลังงาน หรือเกิดความไม่สมดุลของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน เมื่อร่างกายไม่สามารถใช้พลังงานที่รับประทานอาหารเข้าไปได้หมด ก็ย่อมเกิดเป็นการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนัง หรือเป็นสาเหตุของโรคอ้วนนั่นเอง

ปัจจัยที่จะส่งเสริมให้คุณมีความอ้วนมากขึ้น นอกจากจะเป็นในส่วนของอาหารที่รับประทานอย่างไม่สมดุลแล้ว ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมหรือหรือการใช้ชีวิตในแต่ละวันที่ใช้พลังงานไม่มากเท่าไหร่นัก อีกทั้ง ยังมีอีกหลายปัจจัยที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่มีคุณภาพ หรือการเกิดความเครียดที่ส่งผลให้ร่างกายต้องการพลังงานที่มากกว่าเดิม จึงบำบัดความเครียดด้วยการรับประทานอาหารที่มากขึ้น

โดยสิ่งที่คนลดน้ำหนักส่วนใหญ่กลัว ก็คือ อาการโยโย่เอฟเฟค (Yoyo Effect) หรือเป็นการที่ไม่สามารถที่จะลดน้ำหนักลงมาได้อย่างถาวร เมื่อถึงจุดหนึ่งน้ำหนักก็จะเพิ่มกลับขึ้นไปเท่าเดิมหรือมากไปกว่าเดิม ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเลือกวิธีการในการลดน้ำหนักที่ผิดวิธี หรือลดน้ำหนักแบบไม่จริงจัง

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการโยโย่เอฟเฟคกันค่ะ

เทคนิคหยุดโยโย่เอฟเฟกต์
เทคนิคหยุดโยโย่เอฟเฟกต์ — ภาพจาก : https://www.freepik.com/premium-photo/fat-asian-woman-wear-white-t-shirt-worried-about-her-body-size_2364642.htm#page=1&query=%20fat&position=42

อาการโยโย่เอฟเฟค (Yoyo Effect) เป็นภาวะที่มีการขึ้นและลงของน้ำหนักอย่างรวดเร็ว มักจะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่สามารถที่จะรักษาน้ำหนักที่ลดได้อย่างถาวร ทำให้น้ำหนักกลับมาเท่าเดิมหรือมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีสาเหตุของการเกิดโยโย่เอฟเฟคมีอยู่หลายประการ ดังต่อไปนี้

1 ออกกำลังกายหนักเกินไป

ในส่วนของการออกกำลังกายที่หนักเกินไปกลับเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้การลดน้ำหนักของคุณไม่ได้ผล โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้มีการเติมสารอาหารที่เหมาะสมกลับเข้ามาในร่างกาย ก็จะทำให้ร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อมากขึ้นไปอีก ดังจะเห็นได้ว่าคนที่เล่นกล้ามหรือรักการออกกำลังกายมักจะต้องมีการรับประทานโปรตีนเวย์หรืออาหารเสริมอื่นๆ เพื่อเพิ่มเติมกล้ามเนื้อที่อาจจะมีบางส่วนถูกทำลายไปจากการออกกำลังกาย

หากไม่ได้มีการรับประทานอาหารเสริมระหว่างการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เมื่อหยุดออกกำลังกายก็ยอมทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วดังเดิม ดังนั้น วิธีการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการโยโย่เอฟเฟกต์จึงต้องเป็นการเลือกวิธีในการลดน้ำหนักที่ถูกต้องและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อีกทั้งยังต้องเลือกเฟ้นสารอาหารที่เหมาะสมเติมกลับเข้าไปในร่างกายด้วย

2 การไม่จริงจังกับการออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักอย่างไม่ต่อเนื่อง

การออกกำลังกายควรกำหนดระยะเวลาให้เหมาะสม ต้องมีช่วงเวลาพักผ่อนประจำสัปดาห์ ไม่พยายามออกกำลังกายอย่างหนักต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ เพราะการหักโหมมีแต่จะทำให้ การลดน้ำหนักล้มเหลว และที่สำคัญที่สุด ก็คือ การออกกำลังกายจำเป็นจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าพอสามารถลดน้ำหนักได้จนถึงเป้าหมายหรือลงไปที่น้ำหนักที่เหมาะสมแล้ว ก็จะหยุดออกกำลังกายไปอย่างนั้น เพราะการขาดความต่อเนื่องคือบ่อเกิดของโยโย่เอฟเฟกต์ในที่สุด

หากใครไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับตัวเอง ต้องพยายามฟิตร่างกายอยู่เสมอ เพื่อที่จะทำให้ร่างกายมีความสมบูรณ์ และการออกกำลังกายยังช่วยในการป้องกันโรคอื่นๆได้อีกด้วย

เทคนิคหยุดโยโย่เอฟเฟกต์
เทคนิคหยุดโยโย่เอฟเฟกต์ — ภาพจาก : https://www.freepik.com/free-photo/ugly-fat-man-eats-pizza-sitting-sofa_2446936.htm#page=2&query=fat&position=25

3 ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

สาเหตุหลักที่มักเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ ก็คือ การพยายามอดอาหาร จำกัดการรับประทานอาหารให้น้อยลง ทำให้ร่างกายสูญเสียปริมาณกล้ามเนื้อจากการที่รับประทานสารอาหารไม่เพียงพอ ในเวลาต่อมาเมื่อการอดอาหารจบลงและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ กินตามปกติ แต่ปริมาณกล้ามเนื้อยังคงน้อยอยู่จึงส่งผลให้อัตราการเผาผลาญพลังงานลดลงตามไปด้วย และย่อมส่งผลให้ร่างกายจำเป็นจะต้องเก็บสารอาหารในส่วนที่เผาผลาญไม่หมดในรูปแบบของไขมันที่สะสมใต้ชั้นผิวหนัง และทำให้น้ำหนักตัวดีดขึ้นมาสูงขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

4 การตัดสารอาหารบางต่อไป

การลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้องกินให้น้อย แต่ต้องกินให้ถูก คนที่รับประทานปริมาณแต่เลือกชนิดอาหารที่ถูกต้องก็สามารถผอมลงได้ และยังต้องเลือกทำกิจกรรมที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมันแต่ยังไม่เป็นการทำลายกล้ามเนื้อตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น อาหารที่รับประทานจำเป็นที่จะต้องเลือกรับประทานให้ครบถ้วน พยายามควบคุมในส่วนของปริมาณไขมันไม่ให้มากจนเกินไป และต้องไม่ลืมเติมโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย

หากคุณสามารถปฏิบัติร่างกายตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้นได้อย่างครบถ้วน และใส่ใจในทุกขั้นตอนของการลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักก็คงไม่ใช่อุปสรรคของคุณอีกต่อไป และคุณคงจะสามารถบรรลุเป้าหมายน้ำหนักตัวที่ต้องการได้อย่างแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าความสำเร็จในการลดน้ำหนักจะเกิดขึ้นแล้ว คุณก็ยังคงต้องดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายและเลือกรับประทานอาหารต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้อาการโยโย่เอฟเฟกต์เกิดขึ้นกับคุณอีกครั้งในอนาคต

error

Enjoy this blog? Please spread the word :)